mobile_logomobile_logomobile_logomobile_logo
  • Home
  • การให้บริการ
    • ขั้นตอนการรับบริการศูนย์กายภาพบำบัด
    • ข้อมูลที่ควรทราบก่อนเข้ารับบริการ
    • ปฏิทินจัดอบรมความรู้สู่ประชาชน
    • ลงทะเบียนประวัติออนไลน์
    • ระบบตรวจสอบรหัสผู้ป่วย (HN) ออนไลน์
  • เกี่ยวกับเรา
    • ปรัชญา วิสัยทัศน์ พันธกิจ
    • คณะกรรมการประจำศูนย์กายภาพบำบัด
    • โครงสร้างศูนย์กายภาพบำบัด
    • นักกายภาพบำบัด นักกิจกรรมบำบัด (ปิ่นเกล้า)
    • นักกายภาพบำบัด นักกิจกรรมบำบัด (ศาลายา)
  • การรักษา
    • กายภาพบำบัดระบบกระดูกและกล้ามเนื้อ
    • กายภาพบำบัดระบบประสาท
    • กายภาพบำบัดทางเด็ก
    • กิจกรรมบำบัด
    • คลินิกกระดูกสันหลังคด
    • คลินิกกายภาพบำบัดทางการกีฬา
    • คลินิกกายภาพบำบัดทางการยศาสตร์
    • คลินิกกายภาพบำบัดในสุขภาพหญิง
    • คลินิกผู้สูงอายุ
    • คลินิกวอยตาบำบัด (Vojta Therapy)
    • คลินิกโรคเวียนศีรษะและการทรงตัว
  • โครงการพิเศษ
    • HealthcaRe Tele-delivery Service
    • โครงการเตรียมความพร้อมสู่การเรียน (School readiness)
    • กลุ่มกิจกรรมบำบัดสำหรับผู้สูงอายุ
    • โครงการตรวจหลอดเลือด
    • โครงการธาราบำบัด
    • โครงการกิจกรรมบำบัดสำหรับผู้สูงอายุ สมองเสื่อมป้องกันได้
    • โครงการส่งเสริมสุขภาพด้านการเคลื่อนไหวและป้องกันการล้มในผู้สูงอายุ
    • โครงการ “กายพร้อม ใจพร้อม เราวิ่งได้”
  • ติดต่อเรา
  • TH
    • EN
    • TH
✕

ภาวะกระดูกกดเบียดทับโครงสร้างภายในข้อไหล่ shoulder impingement syndrome: SIS

  • Home
  • บทความ ความรู้สู่ประชาชน กายภาพบำบัดทางระบบกล้ามเนื้อ กระดูกและข้อ
  • ภาวะกระดูกกดเบียดทับโครงสร้างภายในข้อไหล่ shoulder impingement syndrome: SIS

ภาวะกระดูกกดเบียดทับโครงสร้างภายในข้อไหล่ shoulder impingement syndrome: SIS

เมษายน 28, 2025
Categories
  • กายภาพบำบัดทางระบบกล้ามเนื้อ กระดูกและข้อ
  • บทความ ความรู้สู่ประชาชน
Tags
  • impingement syndrome
  • shoulder
  • shoulder pain

Shoulder impingement syndrome คืออะไร ?

รูปที่ 1 แสดงถึงโครงสร้างภายในข้อไหล่ที่อาจเกิดการกดเบียดทับ

รูปที่ 1 แสดงถึงโครงสร้างภายในข้อไหล่ที่อาจเกิดการกดเบียดทับ

กลุ่มอาการปวดไหล่จากการกดเบียดโครงสร้างภายในข้อไหล่ หรือที่เรียกว่า shoulder impingement syndrome (SIS) ดังรูปที่ 1 เป็นภาวะที่พบบ่อยในผู้ที่มีอาการปวดไหล่เรื้อรัง ส่วนมากจะเกิดบริเวณช่องว่างใต้กระดูกอะโครเมียน (subacromial space) โดยที่โครงสร้างภายในข้อไหล่ เช่น เส้นเอ็นเชื่อมระหว่างกระดูกกับกระดูก (ligament), เส้นเอ็นเชื่อมระหว่างกระดูกกับเอ็นกล้ามเนื้อ (tendon) หรือถุงน้ำหล่อเลี้ยงข้อ (bursa) ถูกกดทับ หรือเสียดสีกับกระดูกสะบักส่วนอะโครเมียน (acromion) ส่งผลให้เกิดการปวดอักเสบ บวม รอบข้อไหล่ หรือจำกัดการเคลื่อนไหวของข้อไหล่ โดยเฉพาะเมื่อยกแขนขึ้นเหนือศีรษะ (overhead activity), ทำกิจกรรมที่ต้องใช้ไหล่ซ้ำๆ (repetitive movement), การเล่นกีฬาที่ต้องยกแขนบ่อยครั้ง เช่น กีฬาแบดมินตัน (badminton), วอลเล่ย์บอล (volleyball), บาสเก็ตบอล (basketball) หรือเทนนิส (tennis) รวมไปถึงส่งผลกระทบต่อการใช้งานข้อไหล่ในชีวิตประจำวัน (activity daily life) เช่น การสระผม, หวีผม, เอื้อมหยิบของ หยิบของบนที่สูง หรือการใช้งานต่าง ๆ ที่จำเป็นต้องยกแขนขึ้นเหนือศีรษะ (1)

อาการของโรค shoulder impingement syndrome ที่อาจเกิดขึ้นได้ (2)

  • พบสัญญาณของการอักเสบ (inflammatory sign) ได้แก่ มีอาการปวด (pain) บวม (swelling) บริเวณข้อไหล่ ผิวหนังบริเวณข้อไหล่มีสีแดง (redness) และมีอุณหภูมิสูง (warmness) กว่าบริเวณข้างเคียง หรือเมื่อเปรียบเทียบกับข้อไหล่ข้างที่ไม่มีอาการปวด
  • อาจมีอาการปวดร้าว (radiating pain) จากบริเวณไหล่ไปยังต้นแขนด้านหน้า หรือด้านข้างลำตัว
  • พบอาการเกร็งตัวของกล้ามเนื้อโดยรอบข้อไหล่มากกว่าปกติ เนื่องจากกล้ามเนื้อของเอ็นที่มีปัญหาลดประสิทธิภาพในการทำงานลงจากอาการบาดเจ็บ จึงอาศัยการทำงานของกล้ามเนื้อบริเวณข้างเคียงมาช่วย เช่น กล้ามเนื้อ deltoid และ upper trapezius
  • เกิดการจำกัดองศาการทำงานข้อไหล่ (range of motion) เนื่องจากอาการบาดเจ็บ โดยเฉพาะการยกแขน(ไหล่)ขึ้นด้านบน (shoulder flexion), กางไหล่ออกด้านข้าง (shoulder abduction) โดยจะมีอาการปวดอยู่ในช่วงประมาณ 60-120 องศา ของการกางข้อไหล่ ดังรูปที่ 2 , นำแขนไขว้ด้านหลัง (hand behind back) ไปได้ไม่สุดช่วงการเคลื่อนไหว ดังรูปที่ 3
  • มีอาการปวดบริเวณข้อไหล่ขณะทำกิจกรรมยกแขนเหนือศีรษะ, ยกของหนัก
  • ไม่สามารถนอนตะแคงทับข้างที่ข้อไหล่มีปัญหาได้
  • อาการปวดส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น ไม่สามารถหวีผมได้คล่อง, ยกแขนใส่เสื้อลำบาก, ไม่สามารถยกของที่อยู่บนชั้นวางของได้, เอื้อมหยิบแขนไปด้านหน้าได้ลำบาก
  • ส่งผลกระทบต่อการนำแขนไขว้ไปทางด้านหลังลำตัว (hand behind back) เช่น การติด หรือปลดตะขอชุดชั้นใน, เอื้อมแขนไปถูสบู่ด้านหลัง
  • อาจรู้สึกอ่อนแรง (warmness) ของกล้ามเนื้อรอบข้อไหล่ขณะใช้งานแขน เนื่องจากการทำงานผิดปกติของกล้ามเนื้อที่เอ็นกล้ามเนื้อมีอาการบาดเจ็บ
รูปที่ 2 แสดงถึงช่วงการเคลื่อนไหวของข้อไหล่ที่จะมีอาการปวดหรือเจ็บแปล๊บบริเวณข้อไหล่ โดยมักจะเกิดในช่วง 60-120 องศา ของการยกหรือกางแขน ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของกลุ่มอาการ SIS

รูปที่ 2 แสดงถึงช่วงการเคลื่อนไหวของข้อไหล่ที่จะมีอาการปวดหรือเจ็บแปล๊บบริเวณข้อไหล่ โดยมักจะเกิดในช่วง 60-120 องศา ของการยกหรือกางแขน ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของกลุ่มอาการ SIS

รูปที่ 3 แสดงถึงปัญหาจำกัดการของการนำแขน (ข้างขวา) ไขว้มาทางด้านหลัง

รูปที่ 3 แสดงถึงปัญหาจำกัดการของการนำแขน (ข้างขวา) ไขว้มาทางด้านหลัง

ปัจจัยที่ทำให้อาจเกิดโรค shoulder impingement syndrome

รูปที่ 4 แสดงถึงตัวอย่างการเล่นกีฬา หรือการออกกำลังกายเหนือศีรษะ

รูปที่ 4 แสดงถึงตัวอย่างการเล่นกีฬา หรือการออกกำลังกายเหนือศีรษะ

ปัจจัยที่ทำให้เกิดกลุ่มอาการ SIS มีหลายปัจจัย ซึ่งบางครั้งอาจเกิดการบาดเจ็บจากการใช้งานไหล่ซ้ำๆ (repetitive injury) หรือการบาดเจ็บจากเคลื่อนไหวที่ไม่เหมาะสมเหนือศีรษะบ่อยครั้ง (overhead injury) (4) เช่น

  • การใช้งานข้อไหล่ซ้ำๆ (repetitive movement) เช่น การเล่นกีฬาที่ต้องยกแขนขึ้นบ่อยๆ (เช่น แบดมินตัน, เทนนิส, วอลเลย์บอล) ดังรูปที่ 4, การทำงานบ้านที่ต้องยกของหนักเป็นประจำ หรือการหยิบของเหนือศีรษะ ดังรูปที่ 5
  • ความเสื่อมของโครงสร้างไหล่ (degeneration) เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น ข้อไหล่ผ่านการใช้งานมาพอสมควร เส้นเอ็น และถุงน้ำหล่อเลี้ยงข้ออาจเสื่อมสภาพ รวมไปถึงความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อ และเส้นเอ็นจะลดลง ทำให้เกิดการกดทับบริเวณรอบข้อไหล่ได้ง่ายขึ้น
  • การกระแทกบริเวณไหล่ หรืออุบัติเหตุ เช่น การหกล้ม (falling), อุบัติเหตุทางรถยนต์ หรือจากการเล่นกีฬา (sport injury)
  • ความผิดปกติของโครงสร้างกระดูก (structural abnormalities) เช่น กระดูก acromion มีรูปร่างผิดปกติโดยกำเนิด หรือการเสื่อมสภาพของกระดูกทำให้กระดูกงอกเพิ่มขนาดออกมา (bone spur) ทำให้ช่องว่างในข้อไหล่แคบลง
  • อาชีพที่ต้องใช้งานแขนเหนือศีรษะ เช่น แม่บ้านทำความสะอาดบ้าน, พนักงานเช็ดกระจก, ช่างก่อสร้าง, พนักงานยกของ, ช่างทาสีบ้าน เป็นต้น
รูปที่ 5 แสดงถึงตัวอย่างท่าทางที่ใช้งานแขนเหนือศีรษะอยู่บ่อยครั้ง

รูปที่ 5 แสดงถึงตัวอย่างท่าทางที่ใช้งานแขนเหนือศีรษะอยู่บ่อยครั้ง

กลไกการเกิดโรค shoulder impingement syndrome

ในทางการวิเคราะห์ปัญหาจากการเคลื่อนไหว กลุ่มอาการ SIS ผู้ป่วยมักให้ประวัติว่ามีการใช้แขนในลักษณะยกแขนสูงเป็นเวลานาน ๆ จากกิจกรรมต่าง ๆ ทั้งทำงานบ้านหรือเล่นกีฬา ซึ่งอาจทำนานกว่าปกติ หรือเป็นพฤติกรรมซ้ำ ๆ การทำงานในลักษณะนี้ กล้ามเนื้อชั้นลึกของข้อไหล่ (rotator cuff muscles) ที่มีหน้าที่ในการกระชับหัวกระดูกต้นแขนให้อยู่ในข้อไหล่ซึ่งเป็นกล้ามเนื้อมัดเล็กจะเกิดอาการล้าและลดประสิทธิภาพการทำงานลง ทำให้หัวกระดูกต้นแขนเกิดภาวะไม่มั่นคงและเคลื่อนออกจากเบ้ากระดูกได้ง่ายขึ้น

ในขณะยกแขน แรงจากกล้ามเนื้อ deltoid ที่มีมากกว่าจะดึงให้หัวกระดูกต้นแขนเคลื่อนที่ขึ้นไปทางด้านบน หากกล้ามเนื้อชั้นลึกไม่สามารถกระชับหัวกระดูกต้นแขนได้จากอาการล้า จะทำให้หัวกระดูกต้นแขนเคลื่อนที่ไปทางด้านบนมากกว่าปกติ และเกิดการกดเบียดของโครงสร้างที่อยู่ระหว่างหัวกระดูกต้นแขนและกระดูกอะโครเมียนได้ ทำให้โครงสร้างที่เป็นเนื้อเยื่ออ่อนเช่น เอ็นกล้ามเนื้อ และถุงน้ำ ถูกกดทับด้วยกระดูกทั้งสองส่วน ทำให้เกิดการอักเสบตามมา

นอกจากนี้ยังสามารถแบ่งสาเหตุ shoulder impingement syndrome ได้เป็น 2 กลุ่มดังนี้ (5)

  1. สาเหตุปฐมภูมิ (primary shoulder impingement) เกิดเนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงทางกายวิภาคศาสตร์ของโครงสร้างภายในข้อไหล่ ซึ่งจะส่งผลทำให้ช่องว่างภายในข้อไหล่แคบลง เช่น การยื่นออกมาของเนื้อกระดูก (osteophyte formation), กระดูกมีการผิดรูปจากการที่กระดูกบริเวณข้อไหล่เคยหักมาก่อน (bone fracture) หรือเกิดจากการหนาตัวขึ้นของ โครงสร้างภายในข้อไหล่ เช่น ถุงน้ำ หรือมีแคลเซียมเกาะตามเอ็นกล้ามเนื้อ
  2. สาเหตุทุติยภูมิ (secondary shoulder impingement) เกิดจากความผิดปกติของหัวกระดูกต้นแขน (humeral head) กับเบ้าข้อไหล่ (glenoid cavity) ไม่ได้อยู่เชื่อมกันตามปกติ ซึ่งเกิดตามมาหลังจากสาเหตุปฐมภูมิ ทำให้โครงสร้างต่าง ๆ ภายในข้อไหล่เกิดความไม่มั่นคง (shoulder joint instability) ส่งผลให้ข้อต่อ glenohumeral เคลื่อนไหวผิดปกติ ร่วมกับปัจจัยภาวะบุคลิกภาพไม่เหมาะสม (poor posture) เมื่อเคลื่อนไหวข้อไหล่จึงอาจส่งผลให้เอ็นกล้ามเนื้อที่อยู่ภายใต้ข้อไหล่ถูกกดเบียดทับได้ (2,3,4) เช่น
    • ภาวะคอยื่น (forward head)
    • ไหล่ห่อ (round shoudler)
    • กระดูกสันหลังส่วนบนค่อมมากกว่าปกติ (thoracic hyperkyphosis)
    • ภาวะอ่อนแรงของกลุ่มกล้ามเนื้อรอบข้อไหล่ (rotator cuff muscle group weakness)
    • พบการเกิดการเคลื่อนไหวขึ้นด้านบน (superior translation) ของหัวกระดูกต้นแขน
    • ขาดการเคลื่อนไหวของกระดูกสะบัก (scapula) ในทิศทางหงายสะบักไปทางด้านหลัง(posterior tilting) หรือการหมุนสะบักขึ้นด้านบน (upward rotation)

ทั้งนี้เมื่อท่านผู้อ่านได้รับรู้ถึงอาการ และสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคดังกล่าวแล้ว จึงอยากให้ท่านตระหนักถึงการใช้ชีวิตประจำวันของตนเองในการใช้งานข้อไหล่ได้อย่างเหมาะสม และหลีกเลี่ยงการใช้งานที่ไม่พึงประสงค์ที่จะทำให้เกิดการกดเบียดทับของโครงสร้างภายในข้อไหล่ได้ และในบทความตอนถัดไปจะนำเสนอถึงการตรวจร่างกายด้วยตนเอง, การเข้ารับการรักษาอย่างถูกวิธี, การดูแลเบื้องต้น และการออกกำลังกายป้องกันลดโอกาสเกิดโรคดังกล่าวได้ในอนาคต

เรียบเรียงโดย กภ.บุริศร์ ผาสุกสมิต

เอกสารอ้างอิง

  1. Singh B, Bakti N, Gulihar A. Current concepts in the diagnosis and treatment of shoulder impingement. Indian J. Orthop. 2017 Oct;51(5):516-23.
  2. Koester MC, George MS, Kuhn JE. Shoulder impingement syndrome. Am. J. Med. 2005 May 1;118(5):452-5.
  3. Bolia IK, Collon K, Bogdanov J, Lan R, Petrigliano FA. Management options for shoulder impingement syndrome in athletes: insights and future directions. Open Access J. Sports Med.. 2021 Apr 13:43-53.
  4. Ellenbecker TS, Cools A. Rehabilitation of shoulder impingement syndrome and rotator cuff injuries: an evidence-based review. Br J Sports Med. 2010 Apr 1;44(5):319-27.
  5. Garving C, Jakob S, Bauer I, Nadjar R, Brunner UH. Impingement syndrome of the shoulder. Dtsch Arztebl Int. 2017 Nov;114(45):765.
Post Views: 1,489
Share
23

Related posts

มิถุนายน 9, 2025

“Shin Splints” กล้ามเนื้อหน้าแข้งอักเสบ ปัญหาที่พบได้ในนักวิ่ง


Read more
มิถุนายน 4, 2025

กู้พลังผู้ปกครอง: 5 วิธีดูแลตัวเองเมื่อรู้สึกหมดไฟ (Parental Burnout)


Read more
พฤษภาคม 26, 2025

การเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างเข่าต่อการรับความรู้สึกของข้อเข่า


Read more
พฤษภาคม 23, 2025

เอ็นไขว้หน้าเข่าบาดเจ็บได้อย่างไร? และ ตรวจ รักษาอย่างไร?


Read more

ศูนย์กายภาพบำบัด เชิงสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า

198/2 ถนนสมเด็จพระปิ่นเกล้า,
แขวงบางยี่ขัน เขตบางพลัด กรุงเทพฯ 10700
โทรศัพท์ : 0-63-520-5151

ศูนย์กายภาพบำบัด ศาลายา

999 ถนนพุทธมณฑลสาย 4
ต.ศาลายา อ.พุทธมณฑล นครปฐม 73170
โทรศัพท์ : 0-2441-5450 โทรสาร : 0-2441-5454
  • Facebook
  • YouTube
© Faculty of Physical Therapy, Mahidol University.