เรียนรู้เรื่อง “เจ็บปวด” ตอนที่ 1 ความเจ็บปวดนั้นไซร้ใช่ความทุกข์ทรมานหรือไม่

หลาย ๆ คนคงต้องเคยประสบกับอาการเจ็บหรือปวด (pain) กันมาบ้างไม่มากก็น้อย อาการเจ็บปวดได้ถูกจำกัดความไว้หลากหลายแง่มุม ทั้งในด้านภาษาศาสตร์ วิทยาศาสตร์ รวมไปถึงด้านปรัชญา และมีความพยายามอย่างยิ่งยวดในการจัดการอาการดังกล่าว โดยมีความเชื่อพื้นฐานว่า ถ้าสามารถจัดการกับอาการเจ็บปวดได้ จะสามารถกลับมาใช้ชีวิตของตัวเองได้ แต่ถ้าจัดการไม่ได้ย่อมส่งผลต่อการดำเนินชีวิต สภาพจิตใจ และสุดท้ายกระทบต่อคุณภาพชีวิตหลาย ๆ ด้านทั้งต่อผู้ที่มีอาการเจ็บปวด คนรอบข้าง รวมถึงสังคมส่วนรวม บทความชุดนี้ขอนำไปสู่ความเข้าใจเกี่ยวกับอาการเจ็บปวด (pain) ตามหลักฐานเชิงประจักษ์ (evidence-based research) ที่ผ่านการศึกษาวิจัยกันมาอย่างต่อเนื่องครับ
นิยามของความเจ็บปวด (Pain)
ความเจ็บปวด มีการนิยามคำจำกัดความกันอย่างหลากหลาย บ้างก็นิยามความเจ็บปวด คือ การรับความรู้สึกประเภทหนึ่งที่ตอบสนองต่ออันตรายที่มาเกิดกับร่างกายของเรา หรือ เป็นประสบการณ์ที่ไม่น่าพึงพอใจ หรือ เป็นความทุกข์ทรมานที่เกิดขึ้นกับร่างกาย แต่หากอ้างอิงจากแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ คงต้องยกข้อมูลจากจากสมาคมการศึกษาเรื่องความเจ็บปวดนานาชาติ (International association for the study of pain) โดยได้ให้นิยามของความเจ็บปวดว่า
“Pain is an unpleasant sensory and emotional experience associated with, or resembling that associated with, actual or potential tissue damage,” (1)
แปลเป็นภาษาไทย คือ “ความเจ็บปวด เป็นประสบการณ์ทางการรับความรู้สึกและอารมณ์ที่ไม่พึงประสงค์อาจมีความสัมพันธ์กับการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นกับเนื้อเยื่อหรือไม่ขึ้นได้“
สรุปความหมายของความเจ็บปวด จึงเป็นการเป็นการรับความรู้สึกอีกรูปแบบหนึ่งที่ตอบสนองเมื่อเกิดการบาดเจ็บของร่างกายที่ทั้งโดยตรงและอ้อม เมื่อมีอาการเจ็บปวดขึ้นมา สิ่งมีชีวิตจะตอบสนองและสะสมการรับรู้ตลอดช่วงชีวิตเป็นประสบการณ์ ส่งผลกับการปรับเปลี่ยนทางจิตใจและอารมณ์ซึ่งความเจ็บปวดเป็นสิ่งที่ไม่มีใครปรารถนา
ถ้าความเจ็บปวดเป็นความรู้สึกที่ไม่พึงประสงค์แล้ว ทำไมคนเราต้องมีความเจ็บปวดด้วย
ถึงแม้ว่าความเจ็บปวดเป็นการรับความรู้สึกและประสบการณ์ทางอารมณ์ในเชิงลบ แต่ความเจ็บปวดมีความสำคัญในหลาย ๆ ด้านทำให้การมีอยู่ของความเจ็บปวดนั้นเป็นประโยชน์ตลอดช่วงชีวิตของมนุษย์และสัตว์ที่มีอวัยวะรับความรู้สึก ความสำคัญของความเจ็บปวดมีดังนี้
- ความเจ็บปวดเป็นสัญญาณกระตุ้นกลไกเพื่อเตือนและป้องกันอันตราย
ความเจ็บปวดเป็นสิ่งเตือนทางกายภาพพื้นฐานถึงอันตรายหรือความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับร่างกาย (2) เมื่อร่างกายสัมผัสกับตัวกระตุ้นที่เป็นอันตรายหรือตัวกระตุ้นความเจ็บปวด จะมีตัวรับความรู้สึกมารับข้อมูลส่งไปยังระบบประสาทส่วนกลางที่ไขสันหลังและมีการส่งข้อมูลกลับมายังกล้ามเนื้อที่อยู่ข้างเดียวกันกับข้างที่สัมผัสให้ออกแรงหดตัวโดยทันทีเพื่อหลีกหนี (withdrawal) ออกจากตัวกระตุ้นที่เป็นอันตรายนั้น ๆ วงจรนี้เรียกว่า polysynaptic withdrawal reflex pathway (2) ตัวอย่างของวงจรนี้ เช่น เมื่อเราเดินเหยียบของแหลมคมจากนั้นชักเท้าหนีจากสิ่งนั้นโดยทันที ซึ่งกระบวนการนี้มีข้อดีโดยช่วยป้องกัน หรือลดความรุนแรงของการบาดเจ็บให้เหลือน้อยที่สุดเมื่อได้รับอันตราย
- กระตุ้นให้เกิดการซ่อมแซมตัวเอง (3)
เมื่อร่างกายได้รับอันตรายจากตัวกระตุ้นความเจ็บปวด สัญญาณความเจ็บปวด (pain signal) และสารชักนำการอักเสบ (inflammatory mediator) ถูกปล่อยออกมาโดยเส้นประสาทรับความรู้สึกเพื่อกระตุ้นเซลล์ประสาทรับความเจ็บปวด (nociceptive neuron) รวมถึงกระตุ้นการรับรู้ความเจ็บปวดที่ระบบประสาทส่วนกลาง ซึ่งสารชักนำการอักเสบที่หลั่งจะมีผลโดยตรงต่อกระบวนการรักษาเนื้อเยื่อบริเวณที่มีอาการ และเป็นจุดเริ่มต้นของการรักษาตัวเองของร่างกายหลังเกิดการอาการเจ็บปวดขึ้นมาจากสาเหตุต่าง ๆ
- ช่วยในการวินิจฉัยและการรักษา (4)
อาการเจ็บปวดบางกรณีตรงไปตรงมา เจ็บปวด ณ ตำแหน่งใด ปัญหาหรือโรคอยู่ตำแหน่งนั้น บางกรณีปวดตำแหน่งหนึ่ง อาจมีสาเหตุมาจากตำแหน่งอื่นได้ การแสดงออกของอาการเจ็บมีส่วนในการวินิจฉัยเหตุแห่งการเจ็บปวดได้ ทั้งในเรื่องตำแหน่งที่เจ็บปวด (location) เช่น เจ็บด้านนอกของข้อเท้าหลังจากเท้าพลิก หรือ เจ็บหน้าอกซึ่งอาจสื่อถึงปัญหาจากหัวใจ เป็นต้น ในเรื่องของระดับความเจ็บปวด (severity of pain) บ่งชี้ถึงความรุนแรงของอาการว่ารุนแรงระดับใด ในเรื่องระยะเวลาที่เกิดอาการเจ็บปวด (duration) ว่า อยู่ในระยะเฉียบพลัน (acute pain) ซึ่งบ่อยครั้งสื่อถึงการบาดเจ็บหรือเป็นโรคอย่างกระทันหัน หรือเป็นลักษณะปวดเรื้อรัง (chronic pain) ที่มีปัจจัยด้านอื่น ๆ เข้ามาเกี่ยวข้อง และที่สำคัญ คือ ลักษณะความเจ็บปวด เช่น ความรู้สึกเจ็บปวดแบบตื้อ ๆ (dull pain) เจ็บแหลม (sharp pain) เจ็บร้าว (radicular pain) หรือ ปวดแสบปวดร้อน (burning pain) ซึ่งลักษณะที่แสดงออกดังกล่าวสามารถเชื่อมโยงกลับไปยังโครงสร้างที่เกิดปัญหาหรือโรคได้
สำหรับการรักษา อาการเจ็บนำไปสู่วิธีการรักษาที่หลากหลาย ทั้งการให้ยาที่ถูกกับอาการ การผ่าตัด กายภาพบำบัด หรือการรักษาอื่น ๆ และต่อเนื่องไปถึงการปรับรูปแบบการใช้ชีวิต ทั้งเรื่องอาหาร การออกกำลังกายรูปแบบปกติและรูปแบบออกกำลังกายเพื่อการรักษา และกิจวัตรประจำวัน ทั้งหมดนี้ขึ้นกับสาเหตุและธรรมชาติของอาการเจ็บที่แสดงออกมา (5)
เราสามารถวัดความเจ็บปวดได้หรือไม่
ความรู้สึกเจ็บปวดจัดเป็นการระบุในลักษณะนามธรรม กล่าวคือแตกต่างไปตามการรับรู้ของแต่ละบุคคล ดังนั้นการตรวจประเมินความเจ็บปวดจำเป็นต้องสร้างแบบแผนการประเมินสามารถรับรู้และใช้เป็นสากล โดยสามารถตรวจสอบอาการเจ็บปวดได้ตั้งแต่การสอบถามหรือซักประวัติ นอกจากวิธีการถามเจ็บปวดอย่างไร เจ็บปวดน้อย เจ็บปวดมาก หรือ เจ็บปวดจนทนไม่ได้ ซึ่งเป็นระดับความเข้าใจโดยทั่วไปแล้ว ยังมีวิธีการตรวจระดับความเจ็บปวดโดยใช้หลักการทางวิชาการอยู่หลายวิธี ดังนี้
- การประเมินด้วยการประมาณค่าอาการเจ็บปวดเป็นค่าตัวเลข (Numeric Pain Rating Scale) (6)
เป็นวิธีที่หลาย ๆ คนคุ้นเคยมากที่สุดเวลาที่เกิดอาการเจ็บที่ตำแหน่งหนึ่งโดยเมื่อไปถึงสถานพยาบาลจะถูกถามให้คะแนนระดับอาการเจ็บปวด โดยหากไม่เจ็บปวดเลยให้คะแนนเป็น 0 ถ้าเจ็บสะดุ้งจนทนไม่ได้ จะให้คะแนนเต็ม 10 โดยผู้ทำการทดสอบ จะถามผู้ถูกทดสอบว่าขณะนี้ ท่านให้คะแนนระดับอาการเจ็บปวดของท่านอยู่ที่คะแนนเท่าไหร่ตั้งแต่ 0 ถึง 10 ซึ่งวิธีการนี้ถือเป็นวิธีการที่สะดวกและมีความแม่นยำสูงทั้งด้านความน่าเชื่อถือของผู้วัดและความเที่ยงตรงของเครื่องมือวัด (6) โดยระดับคะแนน 11 ช่วง สามารถแบ่งระดับอาการเจ็บได้ตามรูปที่ 1

รูปที่ 1 Numeric Pain Rating Scale แบ่งคะแนนระดับความเจ็บปวดดังนี้ คะแนน 0 ไม่เจ็บ, คะแนน 1-3 เจ็บระดับเล็กน้อย (minimal pain), คะแนน 4-6 เจ็บระดับปานกลาง (moderate pain), คะแนน 7-10 เจ็บระดับรุนแรง (severe pain)
- การประเมินด้วย The Wong-Baker Faces Pain Rating Scale หรือ Face Pain Scale (7-9)
ในผู้ที่มีปัญหาในการเข้าใจภาษาหรือผู้ป่วยเด็กที่ยังไม่เข้าใจการแบ่งระดับความเจ็บ 0 ถึง 10 หรือผู้ป่วยสูงอายุบางราย การให้คะแนนความเจ็บปวดด้วยวิธีการแรกอาจมีข้อจำกัด วิธีการให้คะแนนความเจ็บปวดด้วยรูปภาพแสดงความรู้สึกของใบหน้าช่วยให้การตอบคำถามระดับความเจ็บปวดไม่ยากจนเกินไป โดยรูปภาพแสดงความรู้สึกทั้ง 6 แบบแสดงความรู้สึกต่ออาการเจ็บปวด 6 ระดับ ตั้งแต่หน้ายิ้มมีความสุขแทนระดับไม่เจ็บปวดใด ๆ ไปจนถึงรูปสีหน้าร้องไห้แทนความรู้สึกเจ็บปวดอย่างรุนแรง จากการศึกษาเทียบประสิทธิภาพการประเมินระดับความเจ็บปวดในผู้ป่วยฉุกเฉินเด็กระหว่าง The Wong-Baker Faces Pain Rating Scale กับ Visual analog scale ซึ่งเป็นวิธีมาตรฐานในการตรวจประเมินระดับความเจ็บปวด พบว่ามีความสอดคล้องในระดับดีเยี่ยม (9) ทำให้ The Wong-Baker Faces Pain Rating Scale เป็นตัวเลือกที่ดีอีกวิธีหนึ่งที่สามารถนำมาประเมินในผู้ป่วยเด็กและผู้ป่วยที่มีปัญหาในการแบ่งระดับคะแนนความเจ็บปวดได้

รูปที่ 2 รูปแบบการใช้รูปภาพประเมินระดับความเจ็บปวด (The Wong-Baker Faces Pain Rating Scale) โดยให้ผู้ป่วยเลือกรูปที่ตรงกับระดับอาการเจ็บปวดของตัวเองมากที่สุด จากหน้ายิ้มหมายถึงไม่มีอาการเจ็บปวดเลย จนถึงหน้าร้องไห้หมายถึง มีอาการเจ็บปวดมากที่สุด
- การประเมินด้วย Visual Analog Scale of pain
เป็นวิธีการมาตรฐานในการวัดระดับความเจ็บปวดทั้งในทางคลินิกและในงานวิจัย โดยการใช้เส้นแนวนอนขนาดความยาว 10 เซนติเมตร ในการวัดระดับความเจ็บปวดตั้งแต่จุดเริ่มต้นทางด้านซ้ายที่แสดงอาการไม่เจ็บปวดเลยไปจนถึงปลายทางด้านขวาซึ่งสื่อถึงอาการเจ็บปวดรุนแรงมากถึงมากที่สุด การประมาณความรู้สึกโดยการจุดหรือขีดลงบนเส้นแนวนอนนี้ ทำให้ผู้ป่วยสามารถให้คะแนนความเจ็บปวดของตัวเองได้ง่าย วิธีการนี้ถูกใช้อย่างแพร่หลาย และมีความน่าเชื่อถือของผู้วัดในระดับสูง ในกรณีศึกษาของผู้ป่วยเจ็บช่องท้องเฉียบพลัน (10) ผู้ป่วยข้อเข่าเสื่อม (11) และมีความน่าเชื่อถือของผู้วัดในระดับปานกลางถึงสูงในผู้ป่วยระบบกระดูกและกล้ามเนื้อที่เจ็บปวดเรื้อรัง (12) นอกจากนี้วิธีการดังกล่าวยังมีความเที่ยงตรงของเครื่องมือวัดในระดับสูง (10-11) วิธีการวัดระดับความเจ็บปวดด้วย Visual Analog Scale ยังสามารถใช้ร่วมกับ Numeric Pain Rating Scale หรือ Face Pain Scale เพื่อช่วยให้การวัดระดับความเจ็บปวดง่ายมากขึ้น
ความเจ็บปวด กับ ความทุกข์ทรมาน เหมือนหรือต่างกัน
ความเจ็บปวดนำพาการเปลี่ยนแปลงทางด้านลบต่ออารมณ์ เกิดความทุกข์ทางใจต่อผู้ป่วย ด้วยเหตุนี้ทำให้เกิดการตีความความเจ็บปวดว่าเป็นความทุกข์ทรมานอย่างหนึ่ง ในการศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างความเจ็บปวดและความทุกข์ทรมาน พบว่า แม้ว่าความเจ็บปวดทางกายจะทำให้เกิดความทุกข์ทรมานได้ แต่ความทุกข์ทรมานยังมีปัจจัยของสาเหตุที่กว้างมากกว่าความเจ็บปวดทางกาย อาทิเช่น ความเสียใจ หรือ ความรู้สึกไม่สมหวัง รวมถึงการรับแรงกดดันทางสังคม ซึ่งเป็นความรู้สึกทางจิตใจด้านไม่พึงปรารถนาที่ทำให้เกิดความทุกข์ทรมานได้เช่นกัน (12)
หากสรุปว่าความเจ็บปวดไม่สัมพันธ์กับความทุกข์ทรมานอาจไม่ถูกต้องนัก ความเจ็บปวดทางกายนำพาซึ่งความกลัวที่มากเกินปกติต่อสิ่งเร้าความเจ็บปวดโดยเฉพาะการเคลื่อนไหว (13) เกิดการจดจำว่าการเคลื่อนไหวใดทำให้เจ็บปวดมากขึ้น เกิดความกลัวและหลีกเลี่ยงที่จะเคลื่อนไหวไปทางดังกล่าว (kinesiophobia) การจดจำเป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นภายในสมอง ความกลัวเป็นผลกระทบทำให้เกิดความทุกข์ทรมานทางใจ และการหลีกเลี่ยงการเคลื่อนไหวเป็นการตอบสนองเพื่อไม่ให้เกิดความทุกข์ทรมาน ความกลัวต่อการเคลื่อนไหวนำพาซึ่งอุปสรรคต่อการออกกำลังกายที่เป็นส่วนหนึ่งของการจัดการการรักษาและกระตุ้นให้เกิดประสบการณ์ด้านลบมากขึ้นต่อความเจ็บปวด (14)
ความสัมพันธ์ระหว่างความทุกข์ทรมานและความเจ็บปวดถูกกล่าวในหนังสือชื่อ Self-compassion เขียนโดยนักจิตวิทยาชื่อ Kristin Neff (15) อธิบายความสัมพันธ์ดังกล่าวในรูปสมการว่า ความทุกข์ทรมาน เท่ากับ ความสัมพันธ์ระหว่างความเจ็บปวดคูณด้วยการต่อต้านหรือการผลักไส (suffering = pain x resistance) เมื่อเกิดความเจ็บปวดทำให้เกิดความรู้สึกต่อต้านจากความไม่อยากอยู่ในสถานการณ์ที่ทำให้เจ็บปวดนั้นจนเกิดความความทุกข์ทรมาน และเมื่อมีการต่อต้านจากความเจ็บปวดยิ่งทำให้เกิดความทุกข์ทรมานเพิ่มมากขึ้น
จากบทความนี้สรุปได้ว่า ความเจ็บป่วยที่เกิดขึ้นกับร่างกายที่เรารับรู้ได้ ถึงแม้จะเป็นความรู้สึกที่ไม่พึงประสงค์ แต่เป็นกลไกทางกายภาพเบื้องต้นที่จำเป็นต่อการอยู่รอดของมนุษย์ การประเมินระดับความเจ็บปวดที่มีประสิทธิภาพจะส่งผลต่อประสิทธิภาพการตรวจประเมินและการรักษาทางการแพทย์ ท้ายที่สุดนี้อาจกล่าวได้ว่า ความเจ็บปวดทางกายเป็นเพียงส่วนย่อยเล็ก ๆ หนึ่งของความทรมานเท่านั้น เพราะในมิติของความทรมานยังต้องกล่าวถึงปัจจัยกระตุ้นอื่น ๆ อีกมากมายครับ
เรียบเรียงโดย กภ.อนุชัย พึ่งพระรัตนตรัย
เอกสารอ้างอิง
-
Raja SN, Carr DB, Cohen M, Finnerup NB, Flor H, Gibson S, et al. The revised International Association for the Study of Pain definition of pain: concepts, challenges, and compromises. Pain. 2020;161(9):1976-1982.
-
Derderian C, Shumway KR, Tadi P. Physiology, Withdrawal Response. [Updated 2023 Jan 3]. In: StatPearls [Internet]. Treasure Island (FL): StatPearls Publishing; 2025 [cited 2025 Mar 1]. Available from: https://www.ncbi.nlm.nih.gov/books/NBK544292.
-
Widgerow AD, Kalaria S. Pain mediators and wound healing--establishing the connection. Burns. 2012;38(7):951-9.
-
Gurumoorthi R, Das G, Gupta M, Patil V, Manojkumar S, Mehta P, et al. The art of history taking in patient with pain: an ignored but very important component in making diagnosis. Indian J Pain. 2013; 27:59-66.
-
Lynch ME. Introduction to management. In: Lynch ME, Craig KD, Peng PW. Clinical pain management: A practical guide. 2nd ed. Hoboken, NJ: Wiley-Blackwell; 2022. p. 133-7.
-
Ferraz MB, Quaresma MR, Aquino LR, et al. Reliability of pain scales in the assessment of literate and illiterate patients with rheumatoid arthritis. J Rheumatol. 1990;17(8):1022–1024.
-
Closs SJ, Barr B, Briggs M, Cash K, Seers K. A comparison of five pain assessment scales for nursing home residents with varying degrees of cognitive impairment. J Pain Symptom Manage. 2004;27(3):196-205.
-
EmrahAkgun E., Kozaci N., Avci M. Measurement of the pain levels of patients with extremity traumas and assessment of the attitudes of emergency physicians to pain management. Ann Med Res. 2018;25(4)553-8.
-
Garra G, Singer AJ, Taira BR, Chohan J, Cardoz H, Chisena E, et Al. Validation of the Wong-Baker FACES Pain Rating Scale in pediatric emergency department patients. Acad Emerg Med. 2010;17(1):50-4.
-
Gallagher EJ, Bijur PE, Latimer C, Silver W. Reliability and validity of a visual analog scale for acute abdominal pain in the ED. Am J Emerg Med. 2002;20(4):287-90.
-
Alghadir AH, Anwer S, Iqbal A, Iqbal ZA. Test-retest reliability, validity, and minimum detectable change of visual analog, numerical rating, and verbal rating scales for measurement of osteoarthritic knee pain. J Pain Res. 2018;11:851-856.
-
Bueno-Gómez N. Conceptualizing suffering and pain. Philos Ethics Humanit Med. 2017;12(1):7.
-
Luque-Suarez A, Martinez-Calderon J, Falla D. Role of kinesiophobia on pain, disability and quality of life in people suffering from chronic musculoskeletal pain: a systematic review. Br J Sports Med. 2019;53(9):554-559.
-
Vlaeyen JW, Linton SJ. Fear-avoidance and its consequences in chronic musculoskeletal pain: a state of the art. Pain. 2000;85:317-32.
-
Neff K. Being Mindful of What Is. In: Neff K. Self-compassion: The proven power of behind kind to yourself. 1st ed. New York, NY: HarperCollins Publishers Inc; 2011. p. 80-106.