mobile_logomobile_logomobile_logomobile_logo
  • Home
  • การให้บริการ
    • ขั้นตอนการรับบริการศูนย์กายภาพบำบัด
    • ข้อมูลที่ควรทราบก่อนเข้ารับบริการ
    • ปฏิทินจัดอบรมความรู้สู่ประชาชน
    • ลงทะเบียนประวัติออนไลน์
    • ระบบตรวจสอบรหัสผู้ป่วย (HN) ออนไลน์
  • เกี่ยวกับเรา
    • ปรัชญา วิสัยทัศน์ พันธกิจ
    • คณะกรรมการประจำศูนย์กายภาพบำบัด
    • โครงสร้างศูนย์กายภาพบำบัด
    • นักกายภาพบำบัด นักกิจกรรมบำบัด (ปิ่นเกล้า)
    • นักกายภาพบำบัด นักกิจกรรมบำบัด (ศาลายา)
  • การรักษา
    • กายภาพบำบัดระบบกระดูกและกล้ามเนื้อ
    • กายภาพบำบัดระบบประสาท
    • กายภาพบำบัดทางเด็ก
    • กิจกรรมบำบัด
    • คลินิกกระดูกสันหลังคด
    • คลินิกกายภาพบำบัดทางการกีฬา
    • คลินิกกายภาพบำบัดทางการยศาสตร์
    • คลินิกกายภาพบำบัดในสุขภาพหญิง
    • คลินิกผู้สูงอายุ
    • คลินิกวอยตาบำบัด (Vojta Therapy)
    • คลินิกโรคเวียนศีรษะและการทรงตัว
  • โครงการพิเศษ
    • HealthcaRe Tele-delivery Service
    • โครงการเตรียมความพร้อมสู่การเรียน (School readiness)
    • กลุ่มกิจกรรมบำบัดสำหรับผู้สูงอายุ
    • โครงการตรวจหลอดเลือด
    • โครงการธาราบำบัด
    • โครงการกิจกรรมบำบัดสำหรับผู้สูงอายุ สมองเสื่อมป้องกันได้
    • โครงการส่งเสริมสุขภาพด้านการเคลื่อนไหวและป้องกันการล้มในผู้สูงอายุ
    • โครงการ “กายพร้อม ใจพร้อม เราวิ่งได้”
  • ติดต่อเรา
  • TH
    • EN
    • TH
✕

เข่าชิด คืออะไร???

  • Home
  • บทความ ความรู้สู่ประชาชน กายภาพบำบัดทางระบบกล้ามเนื้อ กระดูกและข้อ
  • เข่าชิด คืออะไร???

เข่าชิด คืออะไร???

พฤษภาคม 8, 2025
Categories
  • กายภาพบำบัดทางระบบกล้ามเนื้อ กระดูกและข้อ
  • บทความ ความรู้สู่ประชาชน
Tags
  • เข่าฉิ่ง
  • เข่าชิด
  • เข่าเสื่อม

ภาวะเข่าชิดหรือเข่าชน (Knock Knees) เป็นภาวะที่เข่าทั้งสองข้างบิดเข้าหากันจนชิดกัน ในขณะที่ขาส่วนล่างและเท้าแยกออกจากกัน (รูปที่1) ภาวะนี้สามารถเกิดขึ้นได้พร้อมกันทั้งสองข้างหรือเพียงข้างเดียว และสามารถพบได้ในทุกช่วงวัย โดยเฉพาะในเด็กอายุ 3-6 ปี ในผู้ที่มีภาวะน้ำหนักเกิน หรือในผู้สูงอายุที่มีการเสื่อมของข้อเข่า และพบในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย แม้ในเด็กส่วนใหญ่ภาวะนี้จะสามารถหายไปเองเมื่อโตขึ้น แต่ในบางกรณีอาจเป็นสัญญาณของโรคหรือความผิดปกติที่ต้องได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม1,2

รูปที่ 1 แสดงการเปรียบเทียบของภาวะเข่าชิดกับเข่าปกติ

รูปที่ 1 แสดงการเปรียบเทียบของภาวะเข่าชิดกับเข่าปกติ

สาเหตุของภาวะเข่าชิด1,3

  1. การเจริญเติบโตผิดปกติในเด็ก บางกรณีเป็นภาวะปกติที่เกิดขึ้นชั่วคราว และสามารถหายไปเองเมื่อเด็กโตขึ้น
  2. โรคทางระบบ (Systemic Diseases) และเมตาบอลิซึม เช่น โรคไตวายเรื้อรัง โรคกระดูกอ่อน (Rickets) ซึ่งเกิดจากการขาดวิตามิน D โรคพันธุกรรมที่มีผลต่อกระดูกและข้อต่อ
  3. อุบัติเหตุและการบาดเจ็บ การกระแทกที่เข่าหรือกระดูกขาระหว่างการเจริญเติบโต อาจส่งผลให้เกิดความผิดปกติของแนวกระดูกทำให้เกิดภาวะเข่าชิด
  4. การอักเสบของข้อเข่า เนื้องอกในกระดูกอ่อนหรือโรคข้อเสื่อมในผู้สูงอายุ ที่ส่งผลต่อโครงสร้างของเข่า
  5. ภาวะอ้วน น้ำหนักตัวที่มากเกินไปอาจทำให้ข้อเข่ารับน้ำหนักมากขึ้นโดยเฉพาะด้านในของเข่า ซึ่งอาจส่งผลให้แนวกระดูกขาเปลี่ยนแปลง และทำให้เกิดภาวะเข่าชิดมากขึ้น

อาการของภาวะเข่าชิด4,5

  1. มีอาการปวดบริเวณข้อเข่า ข้อเท้า หรือข้อสะโพก โดยเฉพาะเวลาทำกิจกรรมที่ต้องออกแรง เช่น เดิน วิ่ง หรือยืนเป็นเวลานาน
  2. ข้อต่อในรยางค์ขาเคลื่อนไหวได้น้อยลง โดยเฉพาะที่ข้อเข่าหรือข้อสะโพก อาจรู้สึกตึงหรือขัดขณะพับหรือเหยียดขา
  3. เดินผิดปกติ หรือทรงตัวไม่มั่นคง เช่น เดินกะเผลก รู้สึกว่าเข่าไม่มั่นคง หรือขาข้างหนึ่งรับน้ำหนักได้ไม่เต็มที่
  4. ผลกระทบระยะยาวหากไม่ได้รับการรักษาอาจนำไปสู่ภาวะข้อเข่าเสื่อมก่อนวัย หรือทำให้หมอนรองกระดูกในเข่าเกิดการสึกหรอหรือบาดเจ็บ

การประเมินภาวะเข่าชิด6,7,8

การประเมินภาวะเข่าชิด สามารถทำได้โดยการตรวจร่างกายและใช้มาตรฐานทางการแพทย์ในการวัด ได้แก่

  1. ระยะห่างระหว่างข้อเท้า ในขณะที่ผู้ป่วยยืนตัวตรงและเข่าชิดกัน วัดระยะห่างระหว่างตาตุ่มด้านใน (medial malleoli) ของเท้าทั้งสองข้างหากระยะห่างระหว่างข้อเท้ามากกว่า 8 เซนติเมตร ถือว่าเป็นภาวะเข่าชิดที่อาจต้องได้รับการพิจารณาเพิ่มเติม (รูปที่ 2)
รูปที่ 2 แสดงการวัดระยะห่างระหว่างข้อเท้าในภาวะเข่าชิด

รูปที่ 2 แสดงการวัดระยะห่างระหว่างข้อเท้าในภาวะเข่าชิด

  1. การตรวจเอกซเรย์ (Radiographic Evaluation) การเอกซเรย์ในท่ายืน (Weight-bearing X-ray) เป็นมาตรฐานในการประเมินแนวแกนของขาและข้อเข่า องศาความชิดสามารถประเมินได้จากมุมระหว่างกระดูกต้นขาและกระดูกหน้าแข้ง (Tibiofemoral Angle) ค่าปกติอยู่ที่ประมาณ 5-7 องศา หากมากกว่าเกณฑ์อาจบ่งชี้ถึงภาวะเข่าชิดที่รุนแรงขึ้น (รูปที่ 3)
รูปที่ 3 แสดงการวัดมุมระหว่างกระดูกต้นขาและกระดูกหน้าแข้งในภาวะเข่าชิด

รูปที่ 3 แสดงการวัดมุมระหว่างกระดูกต้นขาและกระดูกหน้าแข้งในภาวะเข่าชิด

  1. การประเมินองศาความโก่งของขา (Q-angle Assessment) คือ มุมที่เกิดจากเส้นตรงจากกระดูกเชิงกรานไปยังกระดูกสะบ้า และจากกระดูกสะบ้าไปยังกระดูกหน้าแข้ง โดยเกณฑ์ Q-angle ที่ปกติในเพศชาย คือ 12–15 องศา เพศหญิง คือ 15–18 องศา หาก Q-angle มากกว่าเกณฑ์บ่งชี้ถึงแนวโน้มของภาวะเข่าชิด (รูปที่ 4)
รูปที่ 4 แสดงการวัด Q-angle ในภาวะเข่าชิด

รูปที่ 4 แสดงการวัด Q-angle ในภาวะเข่าชิด

  1. การประเมินทางคลินิก เช่น ทดสอบรูปแบบการเดิน การทรงตัว และภาวะปวดข้อเข่าที่เกี่ยวข้อง

แนวทางดูแลและรักษาภาวะเข่าชิด ได้แก่

  • การดูแลตนเอง9
  1. ออกกำลังกายเพิ่มความแข็งแรงและยืดกล้ามเนื้อเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อขาและสะโพก
  2. ใช้อุปกรณ์พยุงเข่า เช่น เข็มขัดหรือเฝือกพยุงเข่า เพื่อช่วยกระจายแรงกดที่ข้อเข่าและปรับแนวกระดูก
  3. ควบคุมน้ำหนัก ลดภาระที่กระทำต่อข้อเข่าและป้องกันการเสื่อมสภาพที่รวดเร็วขึ้น
  4. การประคบร้อนหรือเย็น: ช่วยบรรเทาอาการปวดและลดการอักเสบ
  • การรักษาทางการแพทย์10,11
  1. การใช้ยา เพื่อช่วยลดอาการปวด
  2. การผ่าตัดตัดกระดูกเพื่อปรับแนว (Osteotomy) เหมาะสำหรับผู้ที่มีภาวะเข่าโก่งไม่รุนแรงและข้อเข่ายังแข็งแรง
  3. การผ่าตัดตัดกระดูกเพื่อปรับแนวกระดูก (Osteotomy) ในภาวะเข่าชิดรุนแรงและส่งผลต่อคุณภาพชีวิต หรือการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียม สำหรับผู้ใหญ่ที่มีข้อเข่าเสื่อมรุนแรงร่วมด้วย
  • การรักษาทางกายภาพบำบัด12,13

การรักษาภาวะเข่าชิดด้วยการรักษาทางกายภาพบำบัด ต้องอาศัยความละเอียดในการประเมินอาการของผู้ป่วยแต่ละราย และเลือกใช้วิธีการที่เหมาะสมเพื่อให้ได้ผลดีที่สุด ซึ่งจะช่วยให้ผู้ป่วยสามารถกลับมามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นและลดปัญหาภาวะข้อเข่าผิดรูปในระยะยาวโดยมีขั้นตอนการรักษาหลัก ๆ ดังนี้

  1. การประคบเย็นหรือร้อนเพื่อลดปวด โดยการประคบเย็นในช่วงที่มีการอักเสบของข้อเข่า และประคบร้อนเมื่อต้องการคลายอาการปวดจากความตึงของกล้ามเนื้อรอบ ๆ ข้อเข่า
  2. ลดความตึงตัวหรือลดการอักเสบของกล้ามเนื้อโดยใช้เครื่องมือทางกายภาพบำบัด เช่น เลเซอร์ อัลตร้าซาวด์ ร่วมกับการขยับ ดัด ดึงข้อเข่า เพื่อเพิ่มการเคลื่อนไหวของข้อเข่าและเพิ่มความยืดหยุ่นของเนื้อเยื่อบริเวณรอบข้อเข่า
  3. ออกกำลังกายเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นและความแข็งแรงของกล้ามเนื้อรอบข้อเข่าและสะโพก
  4. การให้ความรู้เกี่ยวกับการหลีกเลี่ยงท่าทางที่ไม่เหมาะสมเพื่อลดความเสี่ยงในการทำให้ข้อเข่าเสื่อมสภาพเร็วขึ้น การยืนหรือนั่งในท่าทางที่ไม่ถูกต้อง เช่น การนั่งพับเพียบ นั่งขัดสมาธิ หรือการยืนทำงานในท่าเดิมเป็นเวลานาน ๆ อาจส่งผลให้ข้อเข่าผิดรูปและทำให้อาการของภาวะเข่าชิดรุนแรงขึ้นได้

ภาวะเข่าชิดเป็นปัญหาที่พบได้ในทุกช่วงวัย และเกิดจากหลายปัจจัยซึ่งมีผลกระทบต่อข้อเข่า หากภาวะนี้รุนแรงหรือส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิต ควรปรึกษาแพทย์หรือนักกายภาพบำบัดเพื่อรับการวินิจฉัยและแนวทางรักษาที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพ ท่านผู้อ่านสามารถติดตามการออกกำลังกายภาวะเข่าชิดได้ในบทความถัดไปค่ะ

เรียบเรียงโดย กภ.(ชำนาญการพิเศษ) ลดาวรรณ เติมวรกุล

เอกสารอ้างอิง

  1. Sabharwal S. Blount disease: a review of clinical, radiographic, and treatment aspects. Clin Orthop Relat Res. 2007;462:39-49.
  2. Bellemans J, Colyn W, Vandenneucker H, Victor J. The hip–knee–ankle angle and the evolution of constitutional varus. J Bone Joint Surg Am. 2012;94(11):1017-22.
  3. Paley D. Principles of Deformity Correction. Springer; 2002.
  4. Michaëlsson, K., Byberg, L., Ahlbom, A., et al. The association between body mass index and osteoarthritis of the knee. Osteoarthritis and Cartilage. 2007;15(7):858-864.
  5. Hussain, S. M., & Zander, T. Genu Valgum: A review of its pathophysiology and management. Orthopedic Reviews. 2013;5(2):e29.ฃ
  6. Fulkerson, J. P., & Shea, K. G. The Q-angle and its role in patellofemoral pathology. Orthopedic Clinics of North America. 2004;35(4):433-439.
  7. Sullivan, S. J., & Fisher, L. Radiographic evaluation of knee alignment: Implications for diagnosis and treatment. Journal of Orthopedic Research. 2010;28(2): 190-196.
  8. Abe, T., & Iida, T. The clinical significance of knee malalignment and its influence on osteoarthritis. Orthopedic Clinics of North America. 2011;42(4): 435-443.
  9. Piva, S. R., & Fitzgerald, G. K. Exercise and physical therapy for knee osteoarthritis. Current Opinion in Rheumatology. 2012;24(2): 214-219.
  10. Zhang, W., Li, Z. D., & Yang, T. Pharmacologic management of knee osteoarthritis: Current strategies and future directions. Drugs. 2017;77(10): 1039-1055.
  11. Baker, P. N., van der Meulen, J. H., & de Beer, J. Osteotomy and knee replacement for the management of knee osteoarthritis. The Journal of Bone and Joint Surgery. 2007;89(4): 510-517.
  12. Clement, A., & Fernandes, R. Physical therapy for knee osteoarthritis. Current Opinion in Rheumatology. 2009;21(2): 145-150.
  13. Deyle, G. D., & Henderson, N. E. Physical therapy intervention in knee osteoarthritis. Physical Therapy. 2006;86(2): 154-165.
Post Views: 1,332
Share
24

Related posts

มิถุนายน 9, 2025

“Shin Splints” กล้ามเนื้อหน้าแข้งอักเสบ ปัญหาที่พบได้ในนักวิ่ง


Read more
มิถุนายน 4, 2025

กู้พลังผู้ปกครอง: 5 วิธีดูแลตัวเองเมื่อรู้สึกหมดไฟ (Parental Burnout)


Read more
พฤษภาคม 26, 2025

การเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างเข่าต่อการรับความรู้สึกของข้อเข่า


Read more
พฤษภาคม 23, 2025

เอ็นไขว้หน้าเข่าบาดเจ็บได้อย่างไร? และ ตรวจ รักษาอย่างไร?


Read more

ศูนย์กายภาพบำบัด เชิงสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า

198/2 ถนนสมเด็จพระปิ่นเกล้า,
แขวงบางยี่ขัน เขตบางพลัด กรุงเทพฯ 10700
โทรศัพท์ : 0-63-520-5151

ศูนย์กายภาพบำบัด ศาลายา

999 ถนนพุทธมณฑลสาย 4
ต.ศาลายา อ.พุทธมณฑล นครปฐม 73170
โทรศัพท์ : 0-2441-5450 โทรสาร : 0-2441-5454
  • Facebook
  • YouTube
© Faculty of Physical Therapy, Mahidol University.