กีฬาแบดมินตันถือเป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากทั้งในระดับสากลและในประเทศไทย หลังจากมีนักกีฬาในไทยไปแข่งขันและได้รับรางวัลระดับสากล ส่งผลให้เกิดเป็นกระแสความนิยมในการออกกำลังกายในประเทศไทย แบดมินตันถือเป็นกีฬาที่มีการเคลื่อนไหวสูงและมีการเคลื่อนที่ของไม้เร็วที่สุดในบรรดากีฬาที่ใช้ไม้ โดยพบว่ามีความเร็วของลูกสูงถึง 493 กิโลเมตร/ชั่วโมง (1) ผู้เล่นจะต้องมีความแข็งแรง คล่องตัว รวดเร็วและแม่นยำ รวมไปถึงการทำงานของร่างกายที่ประสานสัมพันธ์กันอย่างลงตัว เพื่อให้การควบคุมไม้แบดมินตันเกิดผลลัพธ์ออกมาดีที่สุด เกิดการทำแต้มกับคู่ต่อสู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ จากการศึกษาพบว่า ร้อยละ 30 ของผู้เล่น เกิดการบาดเจ็บได้ทั้งผู้เล่นอาชีพกับผู้เล่นทั่ว ๆ ไปในอัตราที่ใกล้เคียงกัน ผู้เล่นอาชีพมักบาดเจ็บขณะซ้อม ในขณะที่ผู้เล่นทั่วไปมักบาดเจ็บขณะแข่งขัน โดยร้อยละ 92 ยังกลับไปเล่นทั้งที่ยังมีอาการบาดเจ็บอยู่ (2) ถึงแม้แบดมินตันจะไม่ใช่กีฬาปะทะแต่การเคลื่อนที่เพื่อรับและตีลูกนั้นประกอบด้วยการเคลื่อนไหวที่ซับซ้อน โดยเฉพาะการพุ่งตัว การเอื้อมแขน การถอยกลับ การกระโดด นอกจากนั้นยังมีการตีลูกเหนือศีรษะทั้งทางหน้ามือ (Forehand) และหลังมือ (Backhand) ซึ่งถ้าเรานึกภาพตามจะเห็นว่าการเคลื่อนไหวในทิศทางต่าง ๆ จะส่งผลให้เกิดความเครียดต่อโครงสร้างของร่างกายทั้งส่วนบน แกนกลางลำตัว และส่วนล่าง โดยจากสถิติพบว่าร้อยละ 74 เกิดจากการเคลื่อนไหวซ้ำ ๆ ส่งผลให้เกิดการบาดเจ็บต่อโครงสร้างกล้ามเนื้อ เส้นเอ็น ข้อต่อ และกระดูกได้ ซึ่งการบาดเจ็บที่พบได้บ่อยคือ หลังส่วนล่าง เข่าและไหล่ข้างที่ถนัด โดยการบาดเจ็บมักจะเพิ่มขึ้นตามอายุที่มากขึ้น (3) การบาดเจ็บจากการเล่นแบตมินตันจะมีอะไรบ้างในบทความนี้มีคำตอบให้ครับ

หลักในการเคลื่อนที่ทางชีวกลศาสตร์ ถ้าเรามองภาพการตีแบบหน้ามือ (Forehand) ข้อไหล่จะมีการเคลื่อนที่ไปด้านหน้า หมุนเข้า ขณะเดียวกันข้อศอกจะเกิดการหมุนเข้า ศอกเหยียด ข้อมืองอ และบิดไปทางนิ้วก้อย ตามรูปที่ 1 ขณะเดียวกันการตีแบบหลังมือ (Backhand) ข้อไหล่จะเกิดการหมุนออกและเหยียดไปด้านหลัง ข้อศอกจะเกิดการหมุน หงายมือและกระดกข้อมือขึ้น (4) ตามรูปที่ 2 นอกจากนี้การตีลูกเหนือศีรษะ และการหยอดซ้ำ ๆ ก็เป็นสาเหตุทำให้เกิดการบาดเจ็บได้ (5) ในการเคลื่อนที่ไปรับหรือตีลูกกล้ามเนื้อขาจะมีการหดตัวแบบยืดยาวออก ทั้งการเร่งและเบรคอย่างรวดเร็วสลับกันไปมา เมื่อพิจารณาการเคลื่อนที่ของขาในนักกีฬาแบดมินตันจะพบว่ามีการก้าวและย่อขาไปรับลูกในทุกทิศทาง ซึ่งการทำท่าก้าวและย่อขา (Lunge) นั้นจะมีแรงเครียดลงมาที่ข้อเข่าและข้อเท้าส่งผลให้เกิดการบาดเจ็บจากการใช้งานที่มากเกินไป (6)

ขณะตีแบดมินตันแรงจะถูกส่งตั้งแต่ขาผ่านลำตัวไปที่แขนและส่งต่อสู่ไม้แบดมินตัน การประสานสัมพันธ์ของร่างกายที่ไม่ดีมีแนวโน้มทำให้เกิดการบาดเจ็บได้ง่าย นอกจากนี้ท่ากระโดดตบถือเป็นท่าที่ได้รับความนิยมในการทำคะแนน เมื่อกระโดดเราจะใช้เท้าฝั่งตรงข้ามกับที่ถือไม้แบดมินตันลงพื้นก่อน ตามรูปที่ 3 จากการศึกษาพบว่าเราจะใช้เท้าซ้ายลงพื้นก่อนถึงร้อยละ 61.9 ในขณะที่เท้าขวาลงก่อนร้อยละ 27.4 และลง 2 เท้าพร้อมกันร้อยละ 10.7 (7) นอกจากนี้ เนื่องจากกีฬาแบดมินตันมีการก้มและการแอ่นตัวซ้ำ ๆ ในการรับและตีลูก หลังส่วนล่างจึงเป็นอีกโครงสร้างแกนกลางที่สำคัญโดยต้องมีความแข็งแรงเพื่อทำให้การส่งแรงผ่านไปที่ไม้แบดมินตันเกิดขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ (8) ตามรูปที่ 4

จากข้อมูลด้านชีวกลศาสตร์จะเห็นได้ว่าการเล่นแบดมินตันใช้ทุกส่วนของร่างกาย ตั้งแต่เท้าขึ้นไปจนถึงมือที่ถือไม้แบดมินตันเพื่อตีลูก จากการศึกษาที่ผ่านมา พบว่า 5 อันดับบริเวณที่เกิดการบาดเจ็บสูงสุดประกอบด้วย 1.ขา 2.มือและข้อมือ 3.ต้นแขน 4.เข่า และ 5.ข้อเท้า ตามลำดับ โดยพบการบาดเจ็บร่างกายส่วนบนถึงร้อยละ 49.7 และร่างกายส่วนล่างร้อยละ 42.3 (9) จากความถี่ที่เกิดขึ้น ร่างกายส่วนล่างจะเกิดการบาดเจ็บได้สูงกว่า โดยเฉพาะเอ็นกล้ามเนื้อหน้าเข่า (Patella tendon) รวมไปถึงเอ็นร้อยหวายที่เกิดจากแรงกระทำในท่ากระโดดขึ้น - ลง การเร่งสลับการเบรครับลูกเพื่อตี นอกจากนั้นกล้ามเนื้อต้นขาทั้งด้านหน้าและด้านหลังต้องทำงานตลอดการเคลื่อนไหว มากไปกว่านั้นเอ็นไขว้หน้าที่ข้อเข่าจะเกิดการบาดเจ็บได้จากการเปลี่ยนทิศทางอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะเคลื่อนตัวไปรับลูกแบดมินตันฝั่งตรงข้ามกับมือที่ถือไม้แบดมินตัน(10) ในขณะเดียวกันร่างกายส่วนบนโดยเฉพาะที่ข้อไหล่มักจะเกิดการบาดเจ็บจากกลุ่มกล้ามเนื้อที่สร้างความมั่นคงที่หัวไหล่(Rotator cuff)และกลุ่มอาการกดเบียดโครงสร้างภายในข้อไหล่ (Impingement) เนื่องจากการตีแบดมินตันมีลูกที่ตีเหนือศีรษะเป็นประจำทั้งหน้ามือและหลังมือ(11) ในขณะเดียวกันข้อศอกก็สามารถเกิดการบาดเจ็บที่เอ็นกล้ามเนื้อข้อศอกทั้งด้านในและด้านนอก ซึ่งมีสาเหตุมาจากการฝึกฝนที่ผิดวิธี (12)

จากสถิติและข้อมูลการบาดเจ็บทำให้เราตระหนักถึงการบาดเจ็บที่สามารถเกิดขึ้นได้ในการออกกำลังกายแบดมินตันโดยเฉพาะการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นจากการเคลื่อนไหวในท่าเดิม ๆ ซ้ำ ๆ จนเป็นเหตุให้เกิดการบาดเจ็บได้ในทุกส่วนของร่างกาย โดยสาระสำคัญของการบาดเจ็บเกิดจากการเคลื่อนที่ซ้ำ ๆ มากเกินไปจนร่างกายอาจเกิดภาวะล้มเหลวในการซ่อมแซม ส่งผลกระทบให้โครงสร้างดังกล่าวเกิดความเสื่อม ขาดการสร้างคอลลาเจนไฟเบอร์ (Collagen fiber) ที่สมบูรณ์สร้างเป็นโครงข่ายที่ไม่ดี โดยจากข้อมูลนักกีฬาระดับอาชีพก็ควรระมัดระวังในขณะฝึกซ้อม ในขณะที่นักกีฬามือสมัครเล่นก็ควรระวังในขณะเล่นเพื่อป้องกันการบาดเจ็บ ซึ่งสามารถใช้เป็นข้อมูลให้กับโค้ชหรือผู้ฝึกสอนเพื่อใช้เป็นเกณฑ์ในการวางแผนตารางฝึกซ้อม จากบทความนี้ผู้เขียนหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะเป็นประโยชน์กับผู้ที่สนใจกีฬาแบดมินตัน เพื่อใช้เป็นชุดข้อมูลประกอบในการฝึกซ้อมต่อไป

   เรียบเรียงโดย กภ.(ชำนาญการพิเศษ) เดชวิน หลายศิริเรืองไร

เอกสารอ้างอิง

  1. Miller R, Felton PJ, McErlain-Naylor SA, Towler H, King MA. Optimum performance in the badminton jump smash;2020.
  2. Jorgensen U, Winge S. Epidemiology of badminton injuries. Int J Sports Med.1987;8(6):379–382.
  3. (paper 1 Ref 9)(3) Ogiuchi T, Muneta T, Yagishita K, Yamamoto H. Sports injuries in elite badminton players. Jpn J Phys Fit. Sports Med.1998;18:343–348.
  4. Sakurai S, Ikegami Y, Yabe K. A three-dimensional cinematographic analysis of badminton strokes. Sports Biomech.1989;5:357–363.
  5. Nhan DT, Walter K, Jay Lee R. Epidemiological patterns of alternative racquet-sport injuries in the United States, 1997–2016. Orthop J Sports Med.2018;6(7):2325967118786237.
  6. Shariff AH, George J, Ramlan AA. Musculoskeletal injuries among Malaysian badminton players. Singapore Med J.2009;50(11):1095–1097.
  7. Rambely AS, Osman NAA, Usman J, Abas WABW. The contribution of upper limb joints in the development of racket velocity in the badminton smash. Proceedings of the XXIII International Symposium on Biomechanics in 139 Sport.2005:422–426.
  8. Sekiguchi T, Hagiwara Y, Momma H, Tsuchiya M, Kuroki K, Kanazawa K, et al. Coexistence of trunk or lower extremity pain with elbow and/or shoulder pain among young overhead athletes: A cross-sectional study. Tohoku J Exp Med.2017;243(3): 173–178.
  9. Phomsoupha M, Laffaye G. Injuries in badminton: A review. Sci. Sports.2020 ;35(4):189-199.
  10. Kimura Y, Ishibashi Y, Tsuda E, Yamamoto Y, Hayashi Y, Sato S. Increased knee valgus alignment and moment during single leg landing after overhead stroke as a potential risk factor of anterior cruciate ligament injury in badminton. Br J Sports Med 2012;46(3):207-213.
  11. Boyd KT, Batt ME. Stress fracture of the proximal humeral epi physis in an elite junior badminton player. Br J Sports Med 1997;31(3):252-253.
  12. Karahan AY, Yesilyurt S, Kaydok E, Olcucu B, Bagcaci S. Kien bock’s disease that manifested in a badminton player: case report. Int J Sport Sci 2013;3(4):132-134.